รัฐบาลเปิด"คลินิกแก้หนี"ช่วยปลดหนี้สูงสุด 2 ล้านบาท

โอกาสดีๆสำหรับคนเป็นหนี้ รัฐเปิด “คลินิกแก้หนี้” ช่วยปลดหนี้สูงสุด 2 ล้านบาท มีทั้งหมด 16 ธนาคารที่ร่วมโครงการ (รายละเอียด)
ใครที่กำลังเป็นหนี้หัวบาน หาทางออกไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิต นี่เป็นหนทางที่ทำให้คุณสามารถมีชีวิตรอด และได้ต่อลมหายใจอีกครั้ง เพราะรัฐบาลกำลังมีโครงการใหม่ที่สนับสนุนการปลดหนี้ด้วย “คลีนิคแก้หนี้” หากคุณสนใจตามมาดูรายละเอียดได้เลย
คลินิกแก้หนี้ คืออะไร เริ่มเมื่อไร
คลินิกแก้หนี้ หรือ “โครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน” เป็นนโยบายของภาครัฐที่มีขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนรายย่อยที่มีหนี้ค้างชำระอยู่กับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งให้มีโอกาสปลดหนี้ โดยมีบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) หรือ SAM
เป็นตัวกลางในการปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายให้ได้ข้อยุติในคราวเดียว เหมือนกับ One Stop Service ที่ลูกหนี้แค่มาเจรจาที่คลินิกแก้หนี้ที่เดียวก็เหมือนกับได้ติดต่อกับเจ้าหนี้ทุกราย เรียกได้ว่า “หนี้บัตรทบ จบที่เดียว”
ทั้งนี้โครงการนำร่องจะเริ่มต้นในวันที่ 1 มิถุนายน 2560 โดยจะช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหนี้กับธนาคารหลายแห่งก่อน เนื่องจากพบว่าบุคคลกลุ่มนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งลูกหนี้จะผ่อนชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งปรับอัตราดอกเบี้ยลงจากเดิมที่เคยจ่ายประมาณ 20-25% จะเหลือเพียง 4-7% ตามช่วงรายได้
สินเชื่อประเภทไหนบ้างที่เข้าร่วมโครงการได้
ต้องเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้ค้ำประกัน ซึ่งเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ลูกหนี้มีอยู่กับธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ สามารถนำยอดหนี้บัตรเครดิตเฉพาะบัตรที่เป็นหนี้เสียทุกใบมาเข้าร่วมโครงการได้ แต่ต้องมียอดหนี้เงินต้นคงค้างไม่เกิน 2 ล้านบาท กรณีเป็นหนี้นอกระบบจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้

ธนาคารอะไรบ้างที่เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้
มีธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ 16 ธนาคาร ได้แก่
– ธนาคารกรุงเทพ
– ธนาคารไทยพาณิชย์
– ธนาคารกสิกรไทย

– ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
– ธนาคารทหารไทย
– ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย

– ธนาคารไอซีบีซี
– ธนาคารเกียรตินาคิน
– ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

– ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย)
– ธนาคารธนชาต
– ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย

– ธนาคารทิสโก้
– ธนาคารยูโอบี
– ซิตี้แบงก์
– แบงค์ออฟไชน่า
คลินิกแก้หนี้ ใครมีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการได้  ลูกหนี้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
– ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
– ต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี (ต้องไม่เกินตลอดอายุที่อยู่ในโครงการ)

– มีหนี้บัตรเครดิต/บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ค้างชำระเกิน 3 เดือน (90 วัน) กับธนาคารตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไปก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560
– ไม่เป็นผู้ที่ถูกฟ้องดำเนินคดี
– ยอดหนี้เงินต้นค้างชำระรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท
* ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ บสส. โดยผู้สมัครจะต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ รวมถึงการวิเคราะห์ รายได้ รายจ่าย แล้วมีเงินสดคงเหลือเพียงพอในการผ่อนชำระตามเงื่อนไข
เงื่อนไขของการเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้
– ลูกหนี้ต้องไม่ก่อหนี้ใหม่เพิ่มในระยะเวลา 5 ปี
– พร้อมเรียนรู้การสร้างวินัยทางการเงินที่ดี
– เสียดอกเบี้ยเฉลี่ย 4-7% ต่อปี (ตามช่วงรายได้) ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี
อัตราดอกเบี้ยการผ่อนชำระตามช่วงรายได้
– ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน ไม่เกิน 30,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 4%
– ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 30,000–50,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 5%
– ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 50,000–100,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 6%
– ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 100,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 7%

สมัครโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ที่ไหน ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ 4 ช่องทางคือ
1. ทางเว็บไซต์ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือ www.debtclinicbysam.com
2. ติดต่อที่สำนักงานโครงการ เลขที่ 333 อาคารเล้าเป้งง้วน 1 ชั้น 12 ซอยเฉยพ่วง ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
3. ติดต่อที่ สาขาของ บสส. 4 สาขา
– สาขาสุราษฎร์ธานี 213/17 หมู่ 1 ถนนเพชรเกษม ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000
– สาขาขอนแก่น 381/46-47 หมู่ 17 ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000

– สาขาพิษณุโลก 5/16-17 หมู่ 5 ถนนสิงหวัฒน์ ตำบลบ้านคลอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000
– สาขาเชียงใหม่ 109/4 ถ.เชียงใหม่-ลำปาง (ท.ล.11) กม.98.7 เทศบาลตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300
4. ทาง Call Center 02-610-2266 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น. (เว้นวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย)

ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้
– ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.debtclinicbysam.com หรือ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือ Call Center (โทร. ติดต่อ) 02-610-2266
– ขั้นตอนที่ 2 : กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มใบสมัคร และยืนยันข้อมูลผ่านเว็บไซต์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 เป็นต้นไป (ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่นี่)
– ขั้นตอนที่ 3 : รอเจ้าหน้าที่โครงการติดต่อกลับ เพื่อนัดหมาย วัน เวลา เข้าพบที่สำนักงาน (โดยปกติจะติดต่อกลับไม่เกิน 1 วันทำการ แต่หากไม่ได้รับการติดต่อกลับ ให้โทร. มาสอบถามเพิ่มเติมที่ Call Center 02-610-2266)
– ขั้นตอนที่ 4 : จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับประกอบการพิจารณา
– ขั้นตอนที่ 5 : พบเจ้าหน้าที่โครงการที่สำนักงานโครงการ เพื่อพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้
– ขั้นตอนที่ 6 : เจ้าหน้าที่โครงการจะนัดหมาย เพื่อลงนามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เมื่อได้รับการยืนยันจากธนาคารเจ้าหนี้ให้เข้าร่วมโครงการ

เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการพิจารณา
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. ใบเปลี่ยนชื่อ-ชื่อสกุล (ถ้ามี)

4. เอกสารการตรวจสอบข้อมูลภาระหนี้จากเครดิตบูโร
5. สลิปเงินเดือน ย้อนหลัง 3 เดือน
6. เอกสารแสดงการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 6 เดือนย้อนหลัง

7. บัตรเงินบำนาญ (กรณีเป็นข้าราชการ)
8. ใบแนบหนังสือสั่งจ่าย (กรณีเป็นข้าราชการ)
9. หลักฐานการแสดงรายได้อื่น เช่น สัญญาให้เช่า สัญญาว่าจ้าง ฯลฯ
10. ใบแจ้งหนี้/เอกสารแสดงความเป็นหนี้
11. หนังสือยินยอมเปิดเผยข้อมูลเครดิตบูโร

สามารถตรวจสอบตัวอย่างเอกสารได้ที่ debtclinicbysam.com ตรวจสอบเครดิตบูโรได้อย่างไร
สามารถตรวจสอบเครดิตบูโรได้ที่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) หรือที่ธนาคารพาณิชย์ และที่สำนักงาน บสส. ค่าธรรมเนียมครั้งละไม่เกิน 150 บาท อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ ทำความรู้จัก เครดิตบูโร คืออะไร เช็กได้ที่ไหน

ประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับจากโครงการคลินิกแก้หนี้
– ไม่ถูกทวงถามหนี้จากเจ้าหนี้หลายราย
– ลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือน เพราะชำระเฉพาะเงินต้นค้างชำระ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราผ่อนปรนไม่เกิน 7% ตามช่วงรายได้ ระยะเวลาผ่อนชำระได้ไม่เกิน 10 ปี
– เป็นการรวมหนี้ และผ่อนชำระในที่เดียว
– รู้จักวางแผนทางการเงินที่ดี
ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องชำระค่างวดให้ตรงตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ และไม่สามารถก่อหนี้ใหม่ได้ภายใน 5 ปี ซึ่งหากผิดสัญญาจะมีผลให้สัญญาปรับโครงสร้างหนี้สิ้นสุดลง และต้องออกจากโครงการ หากใครสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.debtclinicbysam.com หรือ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือ Call Center (โทร. ติดต่อ) 02-610-2266

ธนาคารแห่งประเทศไทย มีนโยบายช่วยเหลือประชาชนรายย่อยในการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งมีหนี้ค้างชำระอยู่กับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งให้สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้อย่างเบ็ดเสร็จและมีประสิทธิภาพ สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ
จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง “โครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน” หรือเรียกว่า “คลินิกแก้หนี้” โดยตกลงร่วมกันแต่งตั้ง บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด เป็นหน่วยงานกลาง เพื่อให้ประชาชนแก้ไขปัญหาหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายให้ได้ข้อยุติในคราวเดียว และบริหารจัดการชำระหนี้ของตนเองได้อย่างเหมาะสมตามความสามารถที่แท้จริง ควบคู่กับการเสริมสร้างวินัยทางการเงินที่ดี
ช่วยเหลือประชาชนรายย่อยที่มีเจ้าหนี้หลายราย ให้ได้มีโอกาสปลดภาระหนี้ ควบคู่กับการเสริมสร้างวินัยทางการเงินที่ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
-มีหน่วยงานกลางระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้และช่วยให้เจ้าหนี้ทุกรายได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน

-ส่งเสริมให้ลูกหนี้มีวินัยทางการเงินที่ดี โดยการให้ความรู้ทางการเงินแก่ลูกหนี้
-ลูกหนี้สมัครใจเข้าโครงการ
-ลูกหนี้ไม่ก่อหนี้ใหม่ในช่วงเวลาที่กำหนด
-อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนชำระเอื้อต่อการแก้ไขหนี้

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปัญหาหนี้ในภาคครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจนอาจจะกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนและภาพรวมของเศรษฐกิจในระยะยาว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ
และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) เล็งเห็นถึงความสำคัญในการวางโครงสร้างพื้นฐานในการแก้ปัญหาหนี้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายรายซึ่งอาจจะมีอุปสรรคในขั้นตอนการเจรจา ทำให้การแก้ปัญหาไม่เบ็ดเสร็จและขาดประสิทธิภาพ
ธนาคารพาณิชย์รวม 16 แห่ง และ SAM จึงได้ร่วมกันจัดตั้งโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน หรือ คลินิกแก้หนี้ขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกหนี้ที่สุจริตและมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาได้มีโอกาสแก้ปัญหาภาระหนี้สินที่มีกับเจ้าหนี้หลายรายอย่างครบวงจรและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดย SAMจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางเพื่อทำหน้าที่แทนเจ้าหนี้ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ตามศักยภาพจริง

สำหรับโครงการนำร่องที่จะเริ่มต้นในวันที่1 มิถุนายน 2560 นี้ครอบคลุมเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ไม่มีหลักประกันของธนาคารไทยและสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่มีเจ้าหนี้หลายราย ซึ่งมีสถานะเป็นหนี้เสีย (ค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560
โดยลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องแสดงเจตนาที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สร้างวินัยในการใช้จ่าย ทั้งนี้ จะมีการติดตามประเมินผลโครงการนี้เป็นระยะเพื่อปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด (SAM)

ความคิดเห็น