สาวใหญ่ เครียดป่วยเบาหวาน สั่งเสีย-ยกสมบัติให้ครอบครัว เน้นให้จ่ายค่าปุ๋ย ก่อนผูกคอดับ

วันที่ 14 มี.ค. ร.ต.อ.จำรัส ศรีหาตา รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอตาย ที่บ้านเลขที่ 120 หมู่ 7 บ้านดอนม่วง ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.นครพนม และกู้ภัยสว่างนาวาธาตุพนม

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ติดพื้น ซอยตะวันฉาย 3 พบเพื่อนบ้านจำนวนมากยืนมุงรอบบ้าน บริเวณหน้าห้องน้ำติดกับห้องนอน พบศพน.ส.พรรณิภา ฤทธิโรจน์ วัย 53 ปี เจ้าของบ้าน ใช้เชือกผ้าสีดำยาวประมาณ 1 เมตร ผูกคอคาขื่อสูงจากพื้น 2 เมตร สภาพศพลิ้นจุกปาก ใกล้กันพบเก้าอี้พลาสติกสีแดง ซึ่งคาดว่าใช้เหยียบขึ้นไปผูก ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือร่องรอยบาดแผลการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
บริเวณโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนผู้ตาย พบสมุดจดสั่งเสียคล้ายพินัยกรรมทรัพย์สินของผู้ตาย ระบุรหัสเอทีเอ็ม 2 ธนาคาร ซึ่งผู้ตายยังเขียนสั่งเสียทรัพย์สิน อาทิ สร้อยคอทองคำ สร้อยคอมือ พระเหลี่ยมทอง ร.5 แหวนทองคำ น้ำหนักรวมกันประมาณ 2 บาท และเงินสดจำนวนหนึ่ง ระบุให้นางบง ฤทธิ์โรจน์ วัย 93 ปี มารดา ส่วนทรัพย์สินอีกหลายรายการในตลับพลาสติกระบุให้เบ๊นซ์ ซึ่งเป็นหลาน บุตรของน้องสาว พร้อมเขียนสั่งให้นำเงิน 970 บาท ไปจ่ายค่าปุ๋ยใส่นาที่ติดค้างเพื่อนบ้านไว้ด้วย

สอบสวน น.ส.สาวิตรี ชาลี วัย 23 ปี หลานสาวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.พรรณิภา ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้า โทรศัพท์ไปหาตนช่วง 09.00 น. บอกว่าให้มาพบเวลา 11.00 น. เห็นประตูหน้าบ้านปิด แต่ไม่ได้ล็อกกุญแจ จึงมองลอดช่องกระจก พบผูกคอห้อยโตงเตงหน้าห้องน้ำ ตนจึงไปเรียกบิดา เพื่อให้นำมีดมาตัดเชือก นำร่างลงมานอนหงายกับพื้น ช่วยกันปั้มหัวใจ 10-20 นาที แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

ด้านนางบง กล่าวทั้งน้ำตาว่า บุตรสาวไม่มีสามี และลูก โดยพักอยู่บ้านคนละหลังกับตน ก่อนจะจบชีวิตตัวเอง บ่นว่าเป็นโรคเบาหวาน รักษาไม่หาย จนมีแผลลุกลามไปที่ปาก อีกทั้งวันนี้หมอนัดไปรับยาที่ รพ.ใน จ.มุกดาหาร อาจจะเครียดหนัก เมื่อวานนี้ยังเห็นบุตรสาวไปทำบุญฝังลูกนิมิตที่วัด แต่วันนี้ไม่พบกระทั่งมีเพื่อนบ้านไปบอก จึงรีบมาดูหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย

ระหว่างชันสูตรพลิกศพมีนางบง ผู้เป็นแม่นั่งร่ำไห้น้ำตาคลอเบ้าตลอดเวลา ขณะที่ญาติไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

ความคิดเห็น